5 กุมภาพันธ์ 2559

พลังแห่งดวงดาว...( บนบ่า )

สำหรับใครหลายๆคน   “ดวงดาว” อาจจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม   ความสูงส่ง เกียรติยศ ความภาคภูมิใจ  โชคชะตา

สำหรับผม “ดวงดาว” ยังแฝงไปด้วยพลังบางอย่าง...ที่ขับเคลื่อนและหนุนนำชีวิต
               
ไม่ใช่จะมาเขียนเรื่องลี้ลับ หรือทำนายดวงชะตาหรอกนะครับ แต่กำลังจะเล่าถึงเรื่องจริงที่ได้สัมผัสมา
                   
ผมเริ่มรับราชการตั้งแต่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหาร  ในชั้นยศข้าราชการชั้นประทวนลำดับล่างสุด และไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงยศเกือบจะสูงสุดสำหรับข้าราชการชั้นประทวน ในระยะเวลาตามสมควรแก่ชีวิตราชการ ก่อนจะยกระดับตนเองด้วยการสอบเลื่อนฐานะเป็นข้าราชการชั้นสัญญาบัตรที่มีโอกาสได้ประดับเครื่องหมายยศโลหะรูปดาวบนอินทรธนูเครื่องแบบ  ซึ่งอาจใช้สำนวนภาษากวี ( หรือลิเก? ) แบบเท่ห์ๆว่า คว้าดาวมาประดับบ่าได้สำเร็จตามที่หวังไว้

การได้ยกระดับตนเองขึ้นเป็นชั้นสัญญาบัตร หมายถึงการได้มีคุณวุฒิ เกียรติยศ ศักดิ์ศรีที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ภาระหน้าที่รับผิดชอบก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเคยกล่าวกับผมว่า “...เป็นสัญญาบัตรแล้วนะ ต้องทำได้ทุกอย่าง ทุกหน้าที่ อย่าไปเกี่ยงงาน ”
                   
ซึ่งนั่นคงเป็นทั้ง “ คำสอน ” และ “ คำสั่ง ” ในเวลาเดียวกัน
                   
ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำมีมากขึ้น สิ่งที่จำเป็นต้องมีมากขึ้นเพื่อรับมือกับมัน ก็คือ “ พลัง ” ที่จะช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆได้สำเร็จ
                   
ถามว่าจะเอาพลังเพิ่มมาจากไหน...ในเมื่อความจริง เราก็ยังเป็นคนเดิมที่มีหนึ่งสมอง สองมือ มีพลังกาย พลังใจ อย่างที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ แค่ไม่ลดลงไปก็ดีนักหนาแล้ว
                   
พลังกาย...อาจเพิ่มได้ ด้วยการกินอาหารดีๆบำรุงร่างกาย ออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อและระบบการทำงานต่างๆแข็งแรงสมบูรณ์ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับมาดีเหมือนเดิม
                   
กำลังใจ...อาจขอเพิ่มได้จากคนใกล้ชิด หรือถ้าไม่มีจริงๆก็น่าจะไปเก็บเกี่ยวเอาจาก “กำลังใจสาธารณะ” เช่น บรรดาถ้อยคำข้อความให้กำลังใจที่มีคนอุทิศให้ไว้แก่โลก ผ่านตัวหนังสือหรือสื่อต่างๆ
                  
แต่แค่นั้นอาจจะยังไม่เพียงพอ สำหรับการปฏิบัติงานในฐานะข้าราชการสัญญาบัตร ที่ต้องแบกภาระหน้าที่อยู่คู่กับเครื่องหมายยศ ( ดาว ) บนบ่าทั้งสอง แต่มีน้ำหนักมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า!!

                 
ก็ต้องอาศัยพลังแฝงที่อยู่ในดวงดาวซึ่งประดับอยู่บนบ่านั่นเองแหล่ะครับ
                   
พลังแฝงที่ว่า ก็คือ แรงบันดาลใจ จิตวิญญาณ และสำนึกในหน้าที่ความเป็นข้าราชการ ที่เพิ่มมากขึ้นตามคุณวุฒิและวัยวุฒิ โดยอาศัยเครื่องหมายยศที่ประดับบนเครื่องแบบเป็นสิ่งย้ำเตือน มิให้หลงลืมหรือละเลยว่า เราคือข้าราชการ ที่มิได้เพียงทำงานแลกเงิน หรือเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งเกียรติยศชื่อเสียง และไม่ได้ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนตนของใครคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เราคือ “ ข้า ” ของ  “ ราชา ” ที่ทำ “ การ ” เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ตามรอยพระบาทของพระองค์ท่านที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร ประชาชนของพระองค์
                   
ความเหนื่อยล้า ท้อแท้ จนบางครั้งแทบหมดแรงกำลังเมื่อต้องเผชิญกับภารกิจ ปัญหา อุปสรรค ทั้งจากกการทำงานและการใช้ชีวิต ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะปล่อยให้มาบั่นทอนหรือบ่อนทำลายตัวตน จนยอมแพ้ หรือละทิ้งสิ่งดีๆที่สะสมมาตั้งแต่อดีตและผลักดันให้เรามาจนถึงจุดๆนี้
                   
เรายังคงต้องยืนหยัดทำหน้าที่ และรักษามาตรฐานความดีไว้ต่อไป ด้วยพลังแห่งชีวิตที่ไม่บกพร่อง เช่นเดียวกับแสงแห่งดวงดาวที่ยังคงเปล่งประกายอยู่ให้เห็นอยู่เสมอ...ทั้งบนท้องฟ้า....และบนบ่าทั้งสองข้าง