22 เมษายน 2559

ชะตากรรมของข้าราชการที่ถูกสั่งพักราชการ

คำสั่งพักราชการ เป็นมาตรการทางปกครองสำหรับดำเนินการต่อทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด  แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับการปลดออกจากราชการ  แต่ก็มีผลกระทบต่อสถานภาพหน้าที่การงาน และอาจพ่วงไปถึงการเงินของผู้ได้รับคำสั่งไม่น้อย  


วันนี้เราจะมาดูกันว่า  ชะตากรรมของข้าราชการทหารที่ถูกสั่งพักราชการจะเป็นไปในทิศทางใดบ้าง  และจะมีแนวทางผ่อนหนักเป็นเบาได้หรือไม่  อย่างไร



ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ.๒๕๒๘ ข้อ ๕ ระบุสาเหตุของการสั่งพักราชการข้าราชการทหาร  คือ  ข้าราชการผู้นั้นถูกฟ้องคดีอาญา  หรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา ( ยกเว้นความผิดลหุโทษหรือความผิดที่กระทำโดยประมาท )  หรือต้องหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง  จนต้องถูกสอบสวนเพื่อลงทัณฑ์สถานหนัก  และผู้บังคับบัญชาเห็นว่าถ้าให้ผู้นั้นคงอยู่ในหน้าที่ราชการในระหว่างที่พิจารณาหรือสอบสวนคดีแล้วจะทำให้ราชการเสียหาย  ผู้บังคับบัญชาก็จะสั่งพักราชการ  โดยมีผลตั้งแต่วันออกคำสั่ง

ระยะเวลาในการถูกพักราชการนั้น โดยปกติแล้วจะต้องถูกพักราชการจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือสอบสวนเสร็จ

แต่ต่อมามีการผ่อนปรนตามข้อบังคับฯ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ.๒๕๕๕ ว่า  ข้าราชการทหารที่ถูกสั่งพักราชการอาจขอกลับเข้ารับราชการได้  แม้ในระหว่างที่การพิจารณาหรือการสอบสวนยังไม่เสร็จ  หากเข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอได้ คือ

หนึ่ง ผู้บังคับบัญชาเห็นควรให้กลับเข้ารับราชการได้ เพราะพฤติการณ์ของผู้ที่ถูกสั่งพักพักราชการนั้นไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการพิจารณาหรือการสอบสวน หรือไม่ก่อให้เกิดความไม่สงบอีกต่อไปแล้ว  หรือ

สอง การดำเนินการทางวินัยนั้นผ่านไปเกินหนึ่งปีแล้วก็ยังไม่เสร็จซะที  และผู้ที่ถูกดำเนินการนั้นก็ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นเหตุให้ถูกดำเนินการแล้ว

หากร้องขอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือสองอย่างข้างต้น  ผู้บังคับบัญชาก็อาจพิจารณาให้ผู้ที่ถูกพักราชการนั้น  กลับเข้ารับราชการได้ตามเดิม

และเมื่อคดีถึงที่สุดหรือการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว  ไม่ว่าผู้นั้นจะยังถูกสั่งพักราชการอยู่ หรือได้รับอนุญาตให้กลับเข้ารับราชการได้แล้วก็ตาม  ชะตากรรมจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาคดีอันเป็นที่สุด  หรือผลการสอบสวนนั้น

หากผลออกมาว่า  ผู้ที่ถูกสั่งพักราชการไม่มีความผิด  ไม่มีมลทินหรือมัวหมอง  ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งให้กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่า นับตั้งแต่วันสั่งพักราชการ ( ก็คือจะมีผลเท่ากับไม่เคยมีการสั่งพักราชการ )

ถ้าผู้สั่งพักราชการไม่มีความผิด แต่ยังมีมลทินหรือมัวหมอง เช่น  พ้นผิดมาได้แบบคลุมเครือ  ยังเป็นที่กังขา  ข้องใจของสังคม  หรือพ้นผิดในลักษณะกระทำผิดแต่กฎหมายไม่เอาผิด เช่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยอ้างป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นต้น ลักษณะนี้ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะสั่งให้กลับเข้ารับราชการ  หรือจะให้ออกจากราชการ  โดยมีผลตั้งแต่วันที่ออกคำสั่ง ( ไม่มีผลย้อนหลังเหมือนกรณีให้กลับเข้ารับราชการเพราะไม่มีความผิดและไม่มีมลทินมัวหมอง )

กรณีสุดท้าย คือปรากฎว่ามีความผิด ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งให้ราชการ   ส่วนจะให้ออกแบบมีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญหรือไม่นั้นก็ต้องไปพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่ระบุตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงินเบี้ยหวัดฯ   และ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ

โดยถ้าให้ออกโดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ คำสั่งให้ออกนั้นจะมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันสั่งพักราชการ  แต่ถ้าให้ออกแบบมีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ จะมีผลตั้งแต่วันออกคำสั่ง ( ไม่ย้อนหลัง )

อย่างไรก็ตาม  ยังพอมีหนทางรอดสำหรับผู้ถูกสั่งพักราชการที่กระทำความผิด  คือ  ถ้าศาลพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดแต่รอการกำหนดโทษ  รอการลงโทษ หรือลงโทษจำคุกและปรับแต่ให้ยกโทษจำคุก   หรือให้รอการลงโทษจำคุกไว้   หรือแค่ปรับสถานเดียว   หรือเป็นกรณีผู้บังคับบัญชาสั่งลงทัณฑ์ทางวินัย ซึ่งความผิดนั้นไม่เกี่ยวกับการทุจริตหรือประโยชน์ของทางราชการ  กรณีเหล่านี้ผู้บังคับบัญชาอาจสั่งให้กลับเข้ารับราชการหรือให้ออกก็ได้ ( เป็นทางเลือกของผู้บังคับบัญชาเช่นเดียวกับกรณีไม่มีความผิดแต่มีมลทิน )

สำหรับเงินเดือนที่ถูกงดระหว่างสั่งพักราชการ ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการตัด  งด  และจ่ายเงินรายเดือน พ.ศ.๒๕๐๔ กำหนดแนวทางปฏิบัติว่า

เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วปรากฎว่าไม่มีความผิด  ซึ่งจะได้กลับเข้ารับราชการ  เงินเดือนที่ถูกงดจ่ายก็จะได้รับคืนเต็มจำนวน

ถ้าไม่มีความผิดแต่มีมลทินมัวหมอง  หรือมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษหรือรอลงอาญา และผู้บังคับบัญชาพิจารณาให้กลับเข้ารับราชการ  เงินเดือนที่ถูกงดไว้จะได้คืนไม่เกินครึ่งหนึ่งของเงินอัตราเงินเดือนที่ได้รับก่อนถูกควบคุมตัวหรือถูกสั่งพักราชการ  ยกเว้นค่าเช่าบ้านจะได้รับคืนเต็มจำนวน

ถ้าศาลพิพากษาว่ามีความผิด  ให้จำคุกหรือหนักกว่าจำคุก  หรือถูกปลด ถูกถอดยศ ถูกให้ออกแบบไม่มีบำเหน็จบำนาญ  เงินที่งดจ่ายตอนพักราชการก็เลิกหวังไปได้เลย

ถ้าโชคร้ายหนักกว่านั้น  ดันตายในระหว่าถูกพักราชการ   โดยที่คดียังไม่ถึงที่สุด  หรือการสอบสวนยังไม่เสร็จ  ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาวินิจฉัยตามหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะจ่ายคืนให้มากน้อยเพียงใด 


แต่ถึงเวลานั้นคงไม่คิดมากแล้ว  เพราะคนที่ได้รับเงินคงไม่ใช่เราแน่นอน...^^


7 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าหากว่าศาลตัดสินแล้วมีความผิดแต่ให้รอลงอาญาแต่ทิ้งท้ายในคำพิพากษาไว้ว่าให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีและรับใช้ประเทศชาติต่อไป...แต่ ผบช.ตัดสินใจให้ออกแบบมีเบี้ยหวัด..และยอมรับการให้ออกเพราะจำยอม...จะมีโอกาสที่จะร้องเรียนหน่วยงานใดได้บ้างเพื่อขอเข้ารับราชการ

    ตอบลบ
  2. สวัสดิ์ดีครับ
    ขอเบอร์ ติดต่อสอบถามครับ

    ตอบลบ
  3. ผมโพสเฟสบุ้คระบายความในใจโดน​ พรบ.คอม14(2)จากเคยเป็นตัวหลักของหน่วยตอนนี้ผิดครั้งเดียวโดนขังทั้งวินัยทั้งอาญาแถมโดนขึ้้นศาลอีกก​ เห้อออชีวิต

    ตอบลบ
  4. สอบถามครับโดนพักราชการมาสามปีกว่าแล้วไม่ขึ้นศาลไม่มีการตั้งกรรมการสอบวันที่โดนมีแต่ สวส.มาสอบคนเดียววันเดียวแล้วก็ส่งเรื่องให้ ปปท.เลยผมสามารถกลับเข้ารับราชการได้เมื่อไดครับ
    ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  5. เออก่อนโดนคดีผมโดนนายไร่กลับหน่วยต้นสังกัดแต่จู่ๆท่านมาเอาเรื่องผมว่าขาดราชการ14วัน ขังวินัย ผบ.ชาผมเป็นรุ่นน้องช่วยอะไรไม่ได้เลยทั้งๆที่ผมก็มาทำงานตลอด

    ตอบลบ