ผู้เขียนเคยดูละครไทยที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับทหาร ซึ่งมีบทพูดของตัวละครที่เป็นทหารยศสูงกว่า มักจะเรียกตัวเองว่าเป็นผู้บังคับบัญชาของตัวละครที่เป็นทหารยศน้อยกว่า
เช่น ตัวละครเป็นทหารสัญญาบัตรชั้นยศนายพัน กล่าวข่มตัวละครที่เป็นพลทหารว่า “
กล้าลองดีกับผู้บังคับบัญชาเหรอ! ” ทั้งที่พิจารณาตามเนื้อเรื่องแล้ว ตัวละครที่เป็นพลทหารนั้นไม่ได้อยู่ในสังกัดหรือภายใต้การบังคับบัญชาของตัวละครที่กล่าวนั้นเลย
หรือแม้แต่ในชีวิตจริง
ก็มีหลายครั้งที่ผู้เขียนได้ยินนายทหารผู้ใหญ่บางท่านเรียกตัวเองว่าเป็นผู้บังคับบัญชาทุกครั้งหรือเกือบทุกครั้ง ในการสนทนากับผู้มียศต่ำกว่า ไม่ว่าคู่สนทนานั้นจะเป็นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตนจริงๆหรือไม่
หรือหากไม่เช่นนั้น
ทหารชั้นผู้น้อยเองก็จะเรียกนายทหารที่มียศสูงกว่า ( โดยเฉพาะชั้นสัญญาบัตร
) ว่า “ หัวหน้า ” หรือ “ เจ้านาย ” ( ตัวผู้เขียนเองก็เคยเรียกนายทหารผู้ใหญ่ชั้นยศนายพันที่มิได้มีตำแหน่งผู้บังคับหน่วยว่า
“ หัวหน้า ” มาตั้งแต่เป็นนายสิบ ) เสมือนว่าผู้เรียกนั้นเป็น
“ลูกน้อง” หรือบริวารของผู้ถูกเรียก ทั้งที่จริงบางทีแทบจะไม่มีโอกาสได้เฉียดไปทำงานเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ
สถานการณ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจไปว่า
นายทหารที่มียศสูงกว่าจะต้องถือเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้มียศต่ำกว่าเสมอ ซึ่งไม่เป็นจริงในทุกกรณี เพราะการมียศสูงกว่า
อาจเป็นได้ทั้ง “ผู้บังคับบัญชา” หรือเป็นเพียง “ ผู้ใหญ่”
ที่มีอาวุโสสูงกว่าเท่านั้น
สองคำนี้มีสถานภาพที่แตกต่างกัน
ซึ่งควรทำความเข้าใจและแยกแยะให้ถูกต้อง เพราะจะส่งผลถึงการปฏิบัติตนในระบบการปกครองบังคับบัญชา
รวมถึงการดำเนินการทางวินัยหรือกฎหมายทหารด้วย เช่น
การกระทำความผิดต่อผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อัตราโทษที่จะได้รับจะแตกต่างกัน
โดยการกระทำต่อผู้บังคับบัญชาจะมีโทษหนักกว่าการกระทำต่อผู้ใหญ่ซึ่งถ้าหากถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาเหมือนกันหมด
ก็จะกลายเป็นว่าต้องรับโทษหนักทุกกรณี เท่ากับเพิ่มภาระกรรมให้ผู้กระทำโดยไม่สมควรแก่เหตุ
ข้อแตกต่างระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใหญ่
ผู้บังคับบัญชา
คือ ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ปกครองดูแลทุกข์สุขของทหาร ทั้งรับผิดชอบในความประพฤติ
การฝึกสอน การอบรม การลงทัณฑ์ ตลอดจนการสั่งการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
และให้ความดีความชอบแก่ทหารได้ โดยแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ
๑.
ผู้บังคับบัญชาโดยตรง คือ ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ใกล้ชิดที่สุดสำหรับดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา
ซึ่งจะมีเพียงคนเดียว เช่น ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพลทหารที่สังกัดหมู่ปืนเล็ก ก็คือผู้บังคับหมู่
, ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของกำลังพลในกองร้อยก็คือผู้บังคับกองร้อย เป็นต้น
๒.
ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น คือ
ผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไปจากผู้บังคับบัญชาโดยตรง
หรือเป็นเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชาโดยตรงขึ้นไปอีก
ซึ่งจะมีมากกว่าหนึ่งคน แล้วแต่ว่าสายการบังคับบัญชาที่เหนือขึ้นไปจะยาวแค่ไหน
เช่น ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นของพลทหารก็คือผู้บังคับหมวด (
ซึ่งอยู่เหนือผู้บังคับหมู่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ) ถัดขึ้นไปอีกก็เป็นผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองพัน เป็นต้น
โดยปกติ
ผู้บังคับบัญชาในหน่วยทหารปกติ ( หน่วยกำลังรบ )
ก็จะมีตำแหน่งหลักตายตัวอยู่แล้ว อย่างเช่นหน่วยทหารของกองทัพบกก็จะเริ่มตั้งแต่ผู้บังคับหมู่ ผู้บังคับหมวด
ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม
ผู้บัญชาการกองพล แม่ทัพ ไปจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ส่วนในหน่วยที่มิใช่หน่วยกำลังรบ
เช่น กอง แผนก ศูนย์ กรม หรือหน่วยสายวิทยาการ
ก็จะมีผู้บังคับบัญชาชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ผู้อำนวยการกอง หัวหน้าแผนก
ผู้บัญชาการศูนย์ เจ้ากรม ซึ่งถ้าจะเทียบตำแหน่งผู้บังคับบัญชาหลักในหน่วยกำลังรบ
ก็จะใช้วิธีการเทียบจากอัตราเงินเดือน เช่น
ผู้อำนวยการกองที่รับเงินเดือนอัตราพันเอก ( ชั้นยศพันเอก
) ก็จะเทียบเท่าผู้บังคับการกรมซึ่งรับอัตราเงินเดือนและชั้นยศพันเอกเช่นกัน
เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดจะไม่ขอกล่าวในบทความนี้
สำหรับ
“ ผู้ใหญ่ ”
หรือบางที่เรียกว่า ผู้ใหญ่เหนือตน นั้น คือ ผู้ที่มียศสูงกว่า
แต่ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาตามที่กล่าวมาข้างต้น ไม่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการปกครอง
บังคับบัญชาหรือให้คุณให้โทษได้ตามระเบียบ เช่น อยู่คนละสังกัด
หรือสังกัดเดียวกันแต่ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชา หรือเป็นผู้บังคับบัญชาคนละฝ่ายที่แยกสายการบังคับบัญชาต่างหากจากกัน
ถ้าจะเปรียบเทียบเป็นการลำดับญาติตามกฎหมาย
ผู้บังคับบัญชาโดยตรง
ก็เปรียบเหมือนบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด มีหน้าที่ปกครองดูแล
รับผิดชอบชีวิตลูกโดยตรง หากเรากระทำผิดต่อท่านก็จะต้องรับโทษหนักกว่ากระทำต่อบุคคลอื่นทั่วไป
ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น
เปรียบเหมือนบุพการีที่เหนือขึ้นไป คือ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด ฯลฯ
“
ผู้ใหญ่ ” หรือ “ ผู้ใหญ่เหนือตน ” เปรียบเหมือนญาติผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นญาติห่างๆ
เช่น ลุง ป้า น้า อา ฯลฯ ที่ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการรับผิดชอบชีวิตของเรา
แต่เป็นบุคคลที่เราควรต้องให้ความเคารพนับถือ และท่านสามารถว่ากล่าวตักเตือนเราได้
ดังนั้น
จึงคงไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่า “ ผู้บังคับบัญชาทุกคนเป็นผู้ใหญ่
แต่ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่ทุกคนจะเป็นผู้บังคับบัญชาได้ ” ทั้งนี้
เพราะการจะเป็นผู้บังคับบัญชาได้นั้น จะต้องมีสิ่งที่รองรับให้เป็นได้ คือ
ต้องอยู่ในตำแหน่งที่ระบุไว้ตามการจัดสายการบังคับบัญชา หรือมีกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือแบบธรรมเนียมกำหนดไว้อย่างชัดเจน
หรือมีการมอบอำนาจบังคับบัญชาจากผู้มีอำนาจฯ
มิใช่ว่ามียศสูงกว่าแล้วจะถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้มียศต่ำกว่าทุกคนไป