การปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาถือเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของทหาร
เพราะสะท้อนถึงความมีวินัยอันเป็นอัตตลักษณ์ประจำวิชาชีพ
ดังนั้นทหารทุกนายจึงจะได้รับการปลูกฝังให้ตระหนักถึงความสำคัญของคำสั่งผู้บังคับบัญชา
และโทษที่เกิดจากการฝ่าฝืน
ซึ่งมีตั้งแต่โทษทางวินัยเล็กๆน้อยๆไปจนถึงโทษทางอาญาแบบว่าส่งไปนอนในห้องขัง
หรือหนักสุดคือใช้มาตรการทางปกครองปลดออกจากราชการกันเลยก็มี
ผู้เขียนเองก็เช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ
ที่ได้ท่องตัวอย่างการกระทำความผิดวินัย ๙ ข้อ ( ตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร มาตรา ๕ ) มาตั้งแต่เป็นนักเรียนทหาร
ซึ่งข้อแรกในเก้าข้อนั้นคือ ความผิดฐานดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง
หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
และได้ยินฐานความผิดนี้บ่อยมากในการใช้เป็นข้อกล่าวหาเพื่อลงโทษแก่กำลังพล
ซึ่งมองในแง่บวกก็ถือเป็นบังคับใช้กฎหมายรักษาระเบียบวินัยของทหาร ในขณะเดียวกัน
ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง บางครั้งก็ดูเหมือนว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวกลับกลายเป็นเครื่องมือในการเล่นงานกำลังพลอย่างไม่เป็นธรรม
หากขาดความรู้ความเข้าใจในการนำมาใช้อย่างถูกต้อง
ดังนั้น
บันทึกนายทหารพระธรรมนูญวันนี้จึงขอหยิบยกฐานความผิดนี้มาทำความเข้าใจกันในเบื้องต้น
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
หรือขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชานั้น อาจเป็นความผิดได้ทั้งทางวินัยและทางอาญา
ผิดทางวินัย
คือ เป็นความผิดต่อแบบธรรมเนียม แนวทางปฏิบัติอันดีของทหาร
ซึ่งผู้บังคับบัญชามีอำนาจพิจารณาลงทัณฑ์ได้ห้าอย่าง คือ ภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรม กัก
ขัง จำขัง ( ตาม พ.ร.บ.วินัยทหารฯ
ซึ่งจะได้อธิบายในโอกาสต่อไป ) หรือถ้าลักษณะการกระทำและผลการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง
ก็อาจถึงขั้นถูกใช้มาตรการทางปกครองด้วยการปลดออกจากราชการได้
ผิดทางอาญา
คือ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร
ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมทางทหาร และอาจถูกพิพากษาลงโทษทางอาญาทหาร
คือ จำคุก
การขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นความผิดทางวินัย
ตาม
พ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ.๒๔๗๖ มาตรา ๕ บัญญัติว่า “
วินัยเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับทหาร
เพราะฉะนั้นทหารทุกคนจักต้องรักษาโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ
ผู้ใดฝ่าฝืนท่านให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิด
(
วรรคสอง ) ตัวอย่างการกระทำความผิดวินัยทหารมีดังต่อไปนี้
(
๑ ) ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง
หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน.....”
จากบทบัญญัติที่ยกมา
พฤติการณ์ที่จะเป็นการกระทำผิดวินัยทหารฐานดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง
หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน ตาม พ.ร.บ.วินัยทหารฯ มาตรา ๕
วรรคสอง (๑) จะต้องประกอบด้วย
๑.
ลักษณะการกระทำ
- ดื้อ ขัดขืน คือ
การไม่ปฏิบัติตาม ไม่ประพฤติตาม ด้วยการแสดงอาการแข็งกระด้าง
- หลีกเลี่ยง คือ การไม่ประพฤติปฏิบัติตาม
แต่มิได้แสดงออกในทางขัดขืนให้เห็น
- ละเลย คือ ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ
ไม่เอาใจใส่ในการปฏิบัติตามคำสั่งให้สำเร็จลุล่วง ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม
๒.
การกระทำตามข้อ ๑ กระทำต่อ “ คำสั่ง ” ซึ่งก็ต้องมาพิจารณากันว่า
คำสั่งแบบใดที่หากมีการดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง
หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามแล้วจะเป็นความผิดวินัย
ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งการและประชาสัมพันธ์
พ.ศ.๒๕๒๗ บัญญัติถึงคำสั่งทางวินัยทหาร มี ๒ ประเภท คือ คำสั่งทั่วไป
คือคำสั่งที่สั่งให้กำลังพลที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนราชการ
หรือหน่วยทราบและปฏิบัติโดยทั่วกัน เช่น และคำสั่งเฉพาะ
คือคำสั่งที่สั่งให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะปฏิบัติ
และคำสั่งนั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้
- เป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อที่ ๓ ต่อไป
-
เป็นคำสั่งที่เป็นประโยชน์แก่ราชการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา
-
เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ
- เป็นการสั่งการโดยทั่วไป
มิได้เจาะจงแก่คนใดคนหนึ่ง ( ถ้าเจาะจงผู้ปฏิบัติจะเข้าลักษณะของคำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญาทหารที่ฝ่าฝืนแล้วเป็นความผิดอาญา
ทั้งนี้เป็นคนละลักษณะกับคำสั่งเฉพาะที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ )
- เป็นคำสั่งที่ใช้ได้ต่อเนื่องตลอดไป
จนกว่าจะยกเลิก (
ถ้าเป็นคำสั่งที่เมื่อปฏิบัติตามแล้วสิ้นผลบังคับใช้
จะเข้าลักษณะคำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร ที่ฝ่าฝืนแล้วเป็นความผิดอาญา
ดังที่จะอธิบายต่อไป )
๓. คำสั่งนั้น
ต้องเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งการ ( จะอธิบายในบทความเฉพาะเรื่องนี้ต่อไป )
หากครบองค์ประกอบข้างต้น
ก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยฐานดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง
หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งอาจทำให้ถูกพิจารณาลงทัณฑ์หรือใช้มาตรการทางปกครองดังที่กล่าวมาข้างต้น
บันทึกฉบับต่อไปจะกล่าวถึง
การขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นความผิดทางอาญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น