๑.
บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ตาม พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.๒๔๙๘ มาตรา ๑๖ มี ๘ ประเภท คือ
๑.๑
นายทหารสัญญาบัตรประจำการ
๑.๒
นายทหารสัญญาบัตรนอกประจำการ เฉพาะความผิดต่อคำสั่ง ข้อบังคับ
ตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร
๑.๓ นายทหารประทวน
ทหารกองประจำการ บุคคลที่รับราชการทหารตามกฎหมายรับราชการทหาร
๑.๔ นักเรียนทหาร
ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด (
เช่น นนร. , นนส. , นจอ. เป็นต้น)
๑.๕
ทหารกองเกินที่ถูกเรียกเข้ากองประจำการ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้รับตัวไว้แล้ว
๑.๖
พลเรือนที่อยู่ในสังกัดราชการทหาร ( เช่น ลูกจ้าง )
เฉพาะความผิดในหน้าที่ราชการ
และความผิดที่กระทำในอาคารที่ตั้งหน่วยทหาร ที่พักร้อน ที่พักแรม เรือ อากาศยาน
หรือยานพาหนะในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
๑.๗ บุคคลที่ต้องขัง
หรืออยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารโดยชอบด้วยกฎหมาย
๑.๘ เชลยศึก ชนชาติศัตรู
ที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
๒.
ตุลาการศาลทหาร (
ผู้พิจารณา พิพากษาคดีในศาลทหาร )
๒.๑
ตุลาการศาลทหาร แบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ
๒.๑.๑ ตุลาการพระธรรมนูญ
จะมีประจำอยู่ทุกศาล โดยมีจำนวนและชั้นยศแตกต่างกันไปในแต่ละศาล ( ดังที่จะกล่าวต่อไป ) คุณสมบัติทั่วไปตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยตุลาการพระธรรมนูญ
คือ เป็นนายทหารสัญญาบัตรอายุไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปี
สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตหรือเทียบเท่า เป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา รับราชการหรือปฏิบัติงานที่ต้องใช้ความรู้ด้านกฎหมายมาแล้วไม่ต่ำกว่า
๕ ปี หรือเคยเป็นตุลาการศาลทหารมาก่อน และมีความประพฤติเหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ตุลาการพระธรรมนูญ
๒.๑.๒
ตุลาการที่ไม่ใช่ตุลาการพระธรรมนูญ ( หรือเรียกว่าตุลาการร่วม
)
คือตุลาการที่เป็นนายทหารสัญญาบัตรที่จะร่วมพิจารณาในองค์คณะตุลาการ
โดยต้องมียศไม่ต่ำกว่ายศของจำเลยที่มียศสูงสุดในขณะฟ้อง ( พ.ร.บ.ศาลทหารฯ
มาตรา ๓๒ )
๒.๑.๓ ตุลาการสำรอง
คือ ตุลาการที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจแต่งตั้งฯ ให้เป็นตุลาการสำรอง
จะปฏิบัติหน้าที่เมื่อตุลาการตัวจริงไม่สามารถนั่งพิจารณาครบองค์คณะ
ตุลาการสำรองก็จะนั่งเป็นตุลาการเพื่อให้ครบองค์คณะโดยมีอำนาจหน้าที่เหมือนตุลาการตัวจริง
(
พ.ร.บ.ศาลทหารฯ มาตรา ๓๔ )
๒.๒
การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลทหาร จะมี ๒ ลักษณะ คือ
๒.๒.๑
ตุลาการนายเดียว มีอำนาจหน้าที่ในการออกหมายเรียก หมายอาญา
หมายสั่งให้ส่งคนมาจากจังหวัดอื่น หรือส่งไปยังจังหวัดอื่น ,
อำนาจออกคำสั่งที่มิใช่การวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี
และถ้าตุลาการนายเดียวนั้นเป็นตุลาการพระธรรมนูญ มีอำนาจไต่สวนหรือสืบพยานได้
๒.๒.๒
องค์คณะตุลาการ คือ ตุลาการที่จะร่วมกันพิจารณาพิพากษาคดีในศาลทหาร ซึ่งมีจำนวน
ชั้นยศ และการแต่งตั้ง ดังนี้
๒.๒.๒.๑
ในศาลจังหวัดทหาร ในอดีต ผบ.จทบ.จะเป็นผู้แต่งตั้งตุลาการศาลจังหวัดทหาร ๓ นาย ประกอบด้วย
ตุลาการพระธรรมนูญ ๑ นาย ( ชั้นยศ ร.ต.ขึ้นไป ) และนายทหารสัญญาบัตร ๒ นาย (
พ.ร.บ.ศาลทหารฯมาตรา ๒๖ )
แต่ปัจจุบันได้มีการแบ่งเขตอำนาจใหม่ ตาม พ.ร.ก.กำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหาร
ทำให้อำนาจพิจารณาคดีอยู่ในอำนาจของศาลมณฑลทหารทั้งหมดแล้ว
๒.๒.๒.๒
ศาลมณฑลทหาร, ศาลทหารกรุงเทพ และศาลประจำหน่วยทหาร มีตุลาการ ๓ นาย ประกอบด้วย
ตุลาการพระธรรมนูญ ๑ นาย (
ชั้นยศ ร.ต.ขึ้นไป ) และนายทหารสัญญาบัตร ๒
นาย ( พ.ร.บ.ศาลทหารฯมาตรา ๒๗ ) โดยมีผู้แต่งตั้ง
ดังนี้
๒.๒.๒.๒.๑
ผบ.มทบ. มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลมณฑลทหาร
๒.๒.๒.๒.๒
รมว.กห.มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลทหารกรุงเทพ
๒.๒.๒.๒.๓
ผบ.หน่วยทหาร มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลประจำหน่วยทหาร
๒.๒.๒.๓
ศาลทหารกลาง มีตุลาการ ๕ นาย ประกอบด้วย
ตุลาการพระธรรมนูญ ๒ นาย (
ชั้นยศ พ.ต. , น.ต. , พ.อ.ต. ขึ้นไป ) , นายทหารสัญญาบัตรชั้นยศนายพัน ๑ หรือ ๒ นาย
และนายทหารสัญญาบัตรชั้นยศนายพล ๑ หรือ ๒ นาย โดย
รมว.กห.จะกราบบังคมทูลถวายรายชื่อ
เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งตุลาการดังกล่าว
๒.๒.๒.๔
ศาลทหารสูงสุด มีตุลาการ ๕ นาย ประกอบด้วย ตุลาการพระธรรมนูญ ๓ นาย ( ชั้นยศ พันเอกพิเศษ หรือนายพลขึ้นไป
) นายทหารสัญญาบัตรชั้นยศนายพล ๒ นาย โดย
รมว.กห.จะกราบบังคมทูลถวายรายชื่อ
เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งตุลาการดังกล่าว
๓.
บุคคลการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับศาลทหาร ได้แก่ อัยการทหาร จ่าศาลทหาร
และนายทหารพระธรรมนูญ
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยอัยการทหารฯ ,
ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยจ่าศาลฯ และ
ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยนายทหารพระธรรมนูญฯ และผู้เขียนจะได้นำเสนอรายละเอียดในโอกาสต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น